NIKKO CAFE เรื่อยๆตามสไตล์คนเมือง
ช่วงนี้กระแสสโลวไลฟ์กำลังมาเนอะ (จริงๆมันก็มีมานนานละล่ะ) นี่ก็ไม่เข้าใจหรอกว่าคำว่าสโลวไลฟ์จริงๆแล้วมันคืออะไร(เลยไม่กล้าออกตัวแรง) เพราะทุกวันนี้ชีวิตก็ไม่ได้สโลว์อะไรเลย แปบๆวันศุกร์ แปบๆวันจันทร์ละ แปบๆครึ่งปีหลังละ ชีวิตมันเร็ว เอาเป็นว่าใครอยากจะสโลวไลฟ์สปีดไลฟ์ก็ใช้ชีวิตไปเถอะ ชีวิตของเรา ความสุขของเรา เงินของเรา (หยุด! ไม่ดราม่า555) ถ้าพูดถึงสโลวไลฟ์ก็จะนึกถึงประเทศญี่ปุ่น พอพูดถึงญี่ปุ่นก็ทำให้นึกถึงร้านNIKKO CAFE ตรงเอกมัย12 เราเคยไปร้านนี้มาหลายครั้งแล้วล่ะ(แต่ก็นานละ) แล้วครั้งนี้ติดกล้องไปด้วย ( ครั้งอื่นก็ติดกล้องไปแต่ไม่ได้ถ่าย พักบ้างจับกล้องมาตลอด555 ) ครั้งนี้เป็นการมีตติ้งกับเพื่อน ก็คุยๆกันว่าร้านไหนที่สามารถตอบโจทย์ได้ทุกอย่าง ทั้งอาหาร เครื่องดืม และแอลกอฮอล์ ฮี่ๆๆ เลยลงเอยที่ร้านนี้แล...
หลายๆคนคงได้ยินชื่อและเคยไปร้านนี้กันมั่งละล่ะ เพราะร้านนี้ก็เปิดมานานสักพักละ ที่เราติดใจร้านนี้พูดได้เลยเป็นเพราะบรรยากาศและการตกแต่งล้วนๆ ใครชื่อชอบร้านเงียบๆ โปร่งๆ สบายๆไม่อึดอัด มีปลั๊กไฟให้เสียบ ไวไฟฟรี นั่งคุยงานอ่านหนังสือหรือจะมามีตติ้งกับเพื่อนๆ เราว่าNIKKO CAFEน่าจะตอบโจทย์ได้นะ NIKKO CAFE ตกแต่งแนว Modern Japanese ด้วยการใช้ไม้สีอ่อนเข้มสลับกันไป คุมโทนด้วยสีน้ำตาลและดำ ตกแต่งด้วยกระจกใส ทำให้บรรยากาศดูโปร่งโล่งสบาย ไม่อึกอัดอย่างที่บอกไปข้างต้น ข้างหน้าร้านมีที่จอดรถได้ประมาณ4-5คัน (ถ้าจำไม่ผิดนะ)
ร้านมี2ชั้น แบ่งเป็น4โซนด้วยกัน โซนแรกคือหน้าร้านเลย เป็นกลางแจ้ง ถึงแม้ภูมิสภาพไทยแลนด์จะร้อนมากแค่ไหน แต่เราว่าด้วยการตกแต่งของร้านก็ทำให้ปรับอุณหภูมิใจเราให้เย็นขึ้นได้ (น่อววววว..)
ออกมานั่งชิลตอนแดดตกก็ชิลๆดี |
เมื่อเดินเข้ามาในร้านก็จะพบเาเตอร์บาร์ยาวสีไม้อ่อน ตกแต่งเยอะแต่ลงตัว ดูสวยงามตามท้องเรื่อง ส่วนตัวชอบเคาเตอร์เขามากเลย รายละเอียดมันยิบย่อยดีไปหมด
ขนมน่ากินจุงซ์... |
ดังนั้นเราจึงขึ้นมาชั้น2 เราจะพบกับโซนที่3 โซนนี้จะอยู่ในห้องกระจก เวลาเรามาทีไรก็นั่งแต่โซนนี้แหล่ะ มันเงียบและเป็นส่วนตัวดี เข้าไปเห็นแว๊บแรกผ่านกระจกก็แอบหวั่นใจเพราะคนเยอะมาก จะเหลือที่ให้เรานั่งมั้ย T__T
คนเต็มห้องเลย ( ขออนุญาติเบลอหน้าคร๊าบบบ _/\_ ) |
เรียกเพื่อนมาเป็นแบบให้ซะหน่อย 555 |
เอาล่ะดูบรรยากาศร้านไปครบละ ต่อไปคือสิ่งที่รอคอยล่ะ อาหารที่สั่งไปนั่นเอง มามะ เริ่มกันเถอะ
จานแรกคือChachu Don (200 บาท) เป็นเนื้อหมู4แผ่นกลมๆวางโปะๆกันไว้บนข้าว หน้าตาก็ดูน่าทานดีแต่ทำไมมันดูแห้งๆหว่าาา... อ่ะลองกินก่อน พอกินคำแรก คือเราว่ามันจืดไปหน่อย(หรือว่านี่คือรสชาดแบบญี่ปุ่นแท้ๆ555) เอาเป็นว่ามันไม่ค่อยถูกจริตกับปากเราเท่าไหร่ คือเห็นหน้าตาในเมนูแล้วมันต้องดูมันๆเค็มๆหวานๆไง (แต่น้ำซุปอร่อย พูดเลย)
จานที่2คือShrimp Omlet (130 บาท) จานนี้หน้าตาดูฟรุ้งฟริ้งมากอ่ะ เหมาะสำหรับเด็กอนุบาลและปรถมต้นมากๆ555 ในเรื่องรสชาดโอเค แต่ก็ไม่ได้ถึงกับดีติดใจอะไร ส่วนตัวคิดว่าแพงไปหน่อย
หลังจากกรึ่มๆก็มานั่งเมาท์ต่อข้างล่าง พอตอนเปิดไฟร้านนี้ก็สวยไปอีกแบบนะ ให้ฟีลคนละแบบกับตอนกลางวัน แต่ที่ยังเหมือนเดิมคือร้านดูสงบไม่วุ่นวาย เราชอบร้านนี้ก็ตรงนี้แหล่ะ ^^
/Pyshie